การออกกำลังกายเป็นวิธีทำให้ร่างกายแข็งแรงที่ง่ายสุด รองจากการดูแลเรื่องอาหาร ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเข้าฟิตเนตก็สามารถทำได้ที่บ้าน
รศ.ประพัฒน์ ลักษณพิสุทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำว่า การออกกำลังกายจริงๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือหากไม่มีเวลาไปออกกำลังกายกลางแจ้งจริงๆ ก็สามารถออกกำลังกายในร่มแบบ "ไอโซเมตริก" (Isometric Exercise) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกำลังกายที่ฝึกความแข็งแรง
ลักษณะของการออกกำลังกายแบบไอโซเมตริกนี้ กล้ามเนื้อจะหดตัวแบบมีการเกร็งเพื่อต้านกับแรงชนิดที่ไม่เคลื่อนที่ เช่น การออกแรงโดยการยืนใช้ฝ่ามือดันกำแพง การออกแรงบีบลูกเทนนิส การกำหมัดให้แน่นแล้วคลายออก โดยอาจออกแรงในช่วงเวลาสั้นๆ หรือช่วงเวลายาวนานก็ได้ ทำซ้ำเช่นนี้หลายๆ ครั้ง เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น
ส่วนผู้ที่มีเวลาน้อย ไม่อยากไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือหากอยู่ในสถานที่ทำงานที่มีบริเวณพื้นที่จำกัด สามารถออกกำลังกายประเภทนี้ได้ เช่น ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ที่ทำงาน อาจออกแรงมือหรือแขนกดตรงที่พักแขนของเก้าอี้ หรือออกแรงให้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างกดลงไปที่พื้น หรือพนมมือระหว่างอก ออกแรงดันฝ่ามือทั้งสองเข้าหากัน เป็นต้น
วิธีง่ายๆ เหล่านี้ ช่วยให้ออกกำลังกายได้ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ จะช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย ถ้าจะให้ดีขึ้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ ขึ้นลงเช่นนี้ 5-10 ครั้ง เลือดลมไหลเวียนสะดวก ร่างกายจะเกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างทันตาเห็น
การออกกำลังกายโดยการให้ร่างกายทำงาน ทั้งแบบกล้ามเนื้อหดสั้นเข้ามา เช่น ยกดัมบ์เบลล์แบบงอข้อศอกให้แขนท่อนล่างชิดแขนท่อนบน หลายๆ ครั้ง และ/หรือแบบกล้ามเนื้อเหยียดยืดออกไป เช่น งอข้อศอกให้แขนท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบน ในมือถือหนังสือ 300 หน้า 1 เล่ม ออกกำลังแขนด้วยการเพิ่มมุมข้อศอกให้มากขึ้น โดยการเหยียดแขนให้แขนท่อนล่างทำมุมกับแขนท่อนบนมากขึ้น รวมทั้งการให้กล้ามเนื้อหดตัวแบบความยาวของกล้ามและมุมของข้อต่อคงที่ จะเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายที่ดีและให้คุณประโยชน์สูงสุดนั้นต้องเหมาะสมกับช่วงวัยด้วย กล่าวคือ
๐ 1-3 ปี ควรเล่นและออกกำลังกายเป็นครั้งคราว โดยใช้กิจกรรมทักษะเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น เดิน วิ่งและกระโดด
๐ 4-6 ปี ควรได้ใช้ทุกอย่างของร่างกายในการออกกำลัง เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกายบริหาร ถีบจักรยาน กิจกรรมเลียนแบบ และเกมเบ็ดเตล็ด
๐ 7-11 ปี ควรออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่ว เช่น เล่นกีฬาหรือเกมที่ยากขึ้น
๐ 12-17 ปี ออกกำลังกายครบทุกส่วน เน้นที่สมรรถภาพของร่างกาย และพัฒนาทักษะทางกลไกให้ทำงานสัมพันธ์กัน เช่น วิ่ง ถีบจักรยาน บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ แอโรบิก เต้นรำ แบดมินตัน ฯลฯ
๐ 18-35 ปี ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ เน้นความหลากหลาย เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อให้ครบทุกส่วนของร่างกาย และเน้นการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20-30 นาที
๐ 36-59 ปี การออกกำลังกายต้องมีหลายรูปแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับร่างกาย เวลา สถานที่ หากอายุ 45 ขึ้นไปควรตรวจร่างกายและการทำงานของหัวใจ ควรออกกำลังกายที่เคยทำ แต่ลดความเร็วและความหนักลง ในวันที่ไม่ได้ออกกำลังก็ควรมีกิจกรรมที่ออกแรง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
๐ 60 ปีขึ้นไป การออกกำลังกายมีข้อจำกัด ต้องยึดแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจจะเกิดโทษต่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจ กิจกรรมที่ทำควรเป็นแบบเบาๆ เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ รำมวยจีน รำกระบอง ไม่ควรออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก
อ้างอิงhttp://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/23349
คลิกเลือก ชมสินค้า สมุนไพรไทย สินค้าคุณภาพ OTOP ของไทย
โดยคนไทย ของคนไทย เพื่อคนไทย ยาไทย ทิพย์โอสถ
|