โภชนากรซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด กล่าวว่า หลายๆ คนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผลไม้ โดยคิดว่าผลไม้มีปริมาณน้ำตาลสูงมากซึ่งไม่เกิดผลดีต่อร่างกาย ทำให้เกิดแนวคิดและมีความเชื่ออย่างแพร่หลายเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า "การบริโภคผลไม้เป็นเรื่องไม่ดี และควรหันมามุ่งเน้นบริโภคเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำดีกว่า" แต่วันนี้นักโภชนาการออกมาเตือนว่า การหลีกเลี่ยงบริโภคผลไม้ด้วยเหตุผลที่ว่า ผลไม้อุดมด้วยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะจริงๆ แล้ว "ผลไม้สด" นั้นจัดเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ผลไม้สดให้คุณค่าทางอาหารหลากหลายประเภทมากกว่าแค่มีน้ำตาลธรรมชาติ แต่อุดมไปด้วยน้ำ วิตามิน เกลือแร่ ไฟเบอร์ และไฟโตนิวเทรียนท์ หรือสารธรรมชาติจากผักผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย เช่นนี้แล้วลองคิดดูสิว่าจะมีอาหารชนิดไหน ที่ให้สารอาหารหลากหลายประเภทพร้อมๆ กัน โดยมีแคลอรีเพียง 75 แคลอรีต่อการบริโภค 1 ครั้ง ฉะนั้นเมื่อบริโภคผลไม้เราจะได้รับแคลอรีจาก "คาร์โบไฮเดรต" โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ "ฟรุกโตส" ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติในผลไม้ แต่คาร์โบไฮเดรตไม่ได้มีเฉพาะในผลไม้เท่านั้น ยังพบในอาหารจำพวกพืช (plant foods) ทุกชนิด ดังนั้นเมื่อเราพูดถึงคาร์โบไฮเดรตจึงไม่ได้หมายถึงเฉพาะน้ำตาลธรรมชาติ แต่ยังครอบคลุมถึงแป้งสตาร์ช (starch) ซึ่งเป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มความหนืดในพุดดิ้ง เค้ก หรือขนมปัง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเกิดจากการคัดแยกเอาเฉพาะสารอาหารคาร์โบไฮเดรตออกมา เพื่อให้มีองค์ประกอบอื่นๆ น้อยที่สุด และเซลลูโลสที่เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างเซลล์เพื่อสร้างไฟเบอร์อีกด้วย
โภชนากรซูซานระบุอีกว่า เมื่อเรารับประทานผัก แคลอรีที่เราได้รับโดยส่วนใหญ่จึงมาจากคาร์โบไฮเดรต แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่คิดว่าผักอุดมด้วย "คาร์โบไฮเดรต" ดังนั้นก่อนที่คุณจะเลิกบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลหรือมีคาร์โบไฮเดรตสูง ขอให้คิดทบทวนถึงรูปแบบและประเภทของคาร์โบไฮเดรตที่คุณบริโภคด้วย เพราะ "คาร์โบไฮเดรต" จากธรรมชาติซึ่งพบมากในผลไม้และอาหารจำพวกพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำตาล ไฟเบอร์ และแป้งสตาร์ช ล้วนแต่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเยี่ยม แตกต่างอย่างเด่นชัดจากแคลอรีที่ได้รับจากการบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นในอาหารประเภทอื่นๆ ตั้งแต่ขนมหวานอย่างบราวนี่จนไปถึงบาร์บีคิวซอส
บริโภคผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ลองมองผลไม้ใกล้ตัวอย่างส้ม คุณทราบหรือไม่ว่าส้มเพียง 1 ผลจะให้น้ำตาลธรรมชาติประมาณ 12 กรัม หรือราวๆ 3 ช้อนชา ขณะที่สตรอเบอรี่ 1 ถ้วยมีน้ำตาลเพียง 7 กรัม หรือน้อยกว่า 2 ช้อนชาเสียอีก นอกจากนี้การรับประทานส้มหรือสตรอเบอรี่อย่างใดอย่างหนึ่งยังทำให้เราได้รับ "ไฟเบอร์" ประมาณ 3 กรัม และวิตามินซีในปริมาณพอเหมาะกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน ร่วมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ อย่างกรดโฟลิกซึ่งมีมากในผักโขม บร็อกโคลี กะหล่ำดาว และโปแตสเซียมที่พบได้โดยทั่วไปในแคนตาลูปและกล้วย ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยให้แคลอรีเพียง 50-60 แคลอรีเท่านั้น ดังนั้นผลไม้จึงไม่ได้มีแต่ "น้ำตาล" อย่างเดียวอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ขณะที่ ถ้าหากเราดื่มน้ำอัดลมขนาด 20 ออนซ์จะมีแคลอรีสูงถึง 225 แคลอรี โดยเราจะไม่ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน เกลือแร่ หรือไฟเบอร์เหมือนที่ได้จากการบริโภคผลไม้ ซึ่งเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ปรุงแต่งด้วยสีและรสนั้น มีส่วนผสมของน้ำตาลเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 60 กรัม หรือประมาณ 1/3 ถ้วยตวง นับเป็นการบริโภคที่มี "น้ำตาลสูง" อย่างแน่นอน
อ้างอิงhttp://www.thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/23591
|