ในชีวิตของผู้หญิงหลาย ๆ คน จะต้องมีอาการปวดท้องน้อยหรือปวดในอุ้งเชิงกรานบ้าง บางทีปวดน้อย บางทีปวดมาก บางทีปวดนาน ๆ ครั้ง บางทีก็ปวดบ่อย บางทีก็ปวดก่อน ขณะมี หรือ หลังมีประจำเดือน ฯลฯ ภายในอุ้งเชิงกรานก็มีอวัยวะไม่กี่อย่าง คือ อวัยวะสืบพันธ์ (ได้แก่ ช่องคลอด มดลูก รังไข่ และท่อรังไข่) ทางเดินปัสสาวะ (กระเพาะปัสสาวะ และท่อไต) ลำไส้ใหญ่ สำไส้เล็ก กล้ามเนื้อ หลอดเลือดการที่จะหาสาเหตุของอาการปวด บางทีก็เป็นเรื่องยุ่งยากในการค้นหา และบางอย่างก็เป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะถ้าปวดจนทำให้รู้สึกว่ามันทำให้ชีวิตประจำวันธรรมดาของเราเสียไป หรือมากจนสุดทนในบางคราว
ถ้าเป็นดังกล่าว สิ่งที่คุณผู้หญิงคงอยากทราบว่า อะไรที่ทำให้ปวดท้องน้อยได้บ้าง จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดจากอะไร และ แล้วจะรักษาอย่างไร
ลักษณะของการปวดท้องน้อย
อาการปวดจะแตกต่างกันไป จากสาเหตุที่แตกต่างกัน อาการปวดอาจเป็นพัก ๆ หรือตลอดเวลา อาจเกี่ยวข้องกับระยะของประจำเดือน การถ่ายอุจจาระ ถ่ายปัสสาวะ หลังจากรับประทานอาการ หรือ ระหว่าง หรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ บางทีก็ร้าวไปที่อวัยวะอื่น ซึ่งมักเป็นหลัง ก้นกบ ต้นขา เป็นต้น อาการปวดดังกล่าว อาจรบกวนการทำงาน การเคลื่อนไหว การนอน การมีเพศสัมพันธ์ และบางครั้งก็ปวดจนสุดที่จะทนได้ ถ้าเกิดขึ้นนาน ๆ ก็ทำให้เกิดความเครียด ร่างกายและจิตใจผิดปกติไป
ถ้าคุณสามารถอธิบายลักษณะการปวดได้ว่าเป็น ๆ หาย ๆ หรือตลอดเวลา ปวดตื้อๆ หรือแปลบ ๆ ปวดร้าวไปที่ไหน และเมื่อไรที่ คุณจะรู้สึกว่ามันปวดมากขึ้น เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยได้ง่ายขึ้น
สาเหตุของการปวดท้องน้อย
การปวดท้องน้อย อาจเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน อาจเป็นลักษณะทันทีทันใด หรือเป็นเรื้อรังนาน ๆ ก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ต่างกัน เมื่อจะไปหาแพทย์ แพทย์มักจะถามหลายคำถามเกี่ยวกับลักษณะการปวด และการรบกวนผิดปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ขณะที่มีอาการปวด การปวดท้องน้อยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การปวดท้องน้อยอย่างทันทีทันใด (Acute Pelvic Pain)
การปวดท้องน้อยทันทีทันใดมักเกิดจากสาเหตุอย่างหนึ่งอย่างเดียว เช่น การอักเสบ มดลูกอักเสบ เนื้องอกของรังไข่ หรือ ท้องนอกมดลูก
การอักเสบ ได้แก่ มดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลำไส้ หรือ ไส้ติ่งอักเสบ
มดลูกอักเสบ (Pelvic in flammatory disease) โดยทั่วไป หมายถึง มีการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ อาจมีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย มีอาการปวดหลังร่วมด้วย
เนื้องอกรังไข่ อาจมีลักษณะเป็นเนื้องอกตันหรือถุงน้ำ (Cyst) อาการปวดอาจมีลักษณะปวดตื้อๆ ถ่วง ๆ ท้องน้อย จะมีอาการปวดแบบทันทีทันใด ถ้าถุง Cyst มีการรั่ว ทำให้น้ำหรือเลือดออกมาในช่องท้อง หรือมีการบิดตัวที่ขั้ว Cyst
ท้องนอกมดลูก คือ การตั้งครรภ์ที่ตัวอ่อนไปเกาะเจริญที่อื่นนอกตัวมดลูก มักเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ คือ หลังจากปฏิสนธิตัวอ่อน ซึ่งควรจะเคลื่อนเข้ามาในมดลูก แต่มาไม่ได้ อาจจะเกิดจากมีพังผืดในท่อนำไข่ เมื่อเจริญมากขึ้นก็ดันท่อนำไข่โป่งและแตก มีเลือดไหลออกมาในช่องท้อง ทำให้ปวดและมีอาการเสียเลือด อาจมีอาการช็อกและเสียชีวิตได้
2. การปวดท้องน้อยเรื้อรัง
อาจมีสาเหตุเดียวหรือเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุร่วมกัน อาการเริ่มแรกมักปวดเป็นๆ หาย ๆ แล้วต่อมาปวดตลอดเวลา หรือ บางรายปวดร่วมกับการมีรอบประจำเดือน ตัวอย่างเช่น ปวดประจำเดือน สาเหตุจากโรคอวัยวะอื่น ๆ เนื้องอกมดลูก และ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่
ปวดประจำเดือน เมื่อสตรีมีประจำเดือนไม่ควรจะปวด หรือปวดเพียงเล็กน้อยพอรู้สึก ถ้าปวดมากมักจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น อาจเกิดจากการมีสารเคมีบางอย่าง ที่ทำให้มดลูกบีบตัวมากเกินไป (Prostaglandin) หรือจากมีเนื้องอกมดลูก หรือจากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ ถ้าปวดช่วงกลาง ๆ รอบเดือน (คือ ประมาณวันที่ 14 - 15 ของรอบเดือน) บางครางมีเลือดออกด้วยน้อย ๆ อาจเกิดจากการตกไข่ เชื่อว่า น้ำจากถุงรังไข่ขณะตกไข่ไหลออกมาระคายเคืองเยื่อบุช่องท้องที่อาจมีความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งอาจจะมีอาการน้อย ๆ หรือปวดมากก็ได้
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ หมายความว่า การที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีหน้าที่เลี้ยงตัวอ่อนเวลาเริ่มตั้งครรภ์ หรือเมื่อหลอดเลือดออกมาพร้อมกับเลือดจากโพรงมดลูกเวลามีประจำเดือนนั้น ไปขึ้นอยู่นอกโพรงมดลูก ซึ่งอาจจะเป็นว่าขึ้นอยู่ภายในเนื้อมดลูก หรือขึ้นอยู่ภายนอกมดลูกในอุ้งเชิงกราน ซึ่งโรคนี้จะทำให้มีอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะในวันแรกๆ ของประจำเดือน หรือวันก่อนมีประจำเดือนมา แล้วมักจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ
สำหรับคนที่มีคู่แล้ว อาจมีปัญหาว่าเจ็บในท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์หรือมีบุตรยาก ทั้งนี้เพราะการที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปขึ้นผิดที่ทำให้มีปฏิกิริยาของร่างกายบริเวณนั้นต่อต้านเหมือนมีการอักเสบ เมื่อนาน ๆ เข้าก็เกิดเป็นพังผืดเกิดขึ้น และการที่เลือดออกเหมือนประจำเดือนก็ทำให้เลือดขังอยู่ โดยเฉพาะในเนื้อมดลูกและรังไข่ ทำให้เกิดเป็นถุง Cyst ขึ้นและทำให้ปวด บางครั้งเลือดที่ขังอยู่ใน Cyst รั่วหรือแตกออกมาระคายเคืองเนื้อเยื่อช่องท้อง ก็ทำให้มีอาการปวดรุนแรงฉับพลันได้ ส่วนที่ขึ้นอยู่ในเนื้อมดลูกทำให้ตัวมดลูกโตขึ้น ทำให้เลือดประจำเดือนมามากขึ้นเหมือนอาการของเนื้องอกมดลูกได้
เนื้องอกมดลูก หมายถึง กล้ามเนื้อของมดลูกกลายเป็นเนื้องอก คือแบ่งตัวเจริญเร็วกว่าธรรมดาไม่หยุดนิ่ง แต่ไม่ใช่มะเร็ง เพราะไม่ลุกลามไปที่อื่น แต่มดลูกที่โตจะไปเบียดบังอวัยวะอื่น ทำให้ปวดหรือ เนื้อดีของมดลูกพยายามบีบตัวไล่ก้อนเนื้องอกเวลามีประจำเดือน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้มีอาการปวดขึ้นได้
สาเหตุจากโรคอวัยวะอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธ์ ก็ทำให้มีอาการปวดท้องน้อยได้ เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง กล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานอักเสบ ลำไส้อักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะหรือที่ท่อไต หรือแม้กระทั่งภาวะทางจิตใจหรือภาวะเครียด
การวินิจฉัยโรคปวดท้องน้อย
เนื่องจากสาเหตุของการปวดท้องน้อย มีหลายอย่าง เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์อาจจะต้องใช้เวลาในการหาสาเหตุที่ถูกต้อง เริ่มต้นด้วยการซักถามประวัติเกี่ยวกับการปวดการมีประจำเดือน การมีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย รวมทั้งความเป็นอยู่ สภาพจิตใจ และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจภายใน อาจต้องปรึกษาแพทย์ต่างแผนกบ้างแล้วแต่ว่านึกถึงโรคอื่นใด นอกเหนือจากโรคทางสตรี อาจต้องมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมนอกเหนือจากการตรวจภายในและการตรวจร่างกายแล้วแต่ว่าอาการและการตรวจของแพทย์สงสัยโรคอะไร เพื่อความมั่นใจในการวินิจฉัย เช่น
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ซึ่งจะทำให้เห็นลักษณะของมดลูกและปีกมดลูกได้ดี
- การส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ
- การตรวจทวารหนักและส่องตรวจสำไส้ใหญ่
- การส่องตรวจทางหน้าท้องดูในอุ้งเชิงกราน
- การทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์หรือเอ็มอาร์ไอ
- การฉีดสีดูระบบทางเดินปัสสาวะ
- การกลืนแป้งหรือสวนแป้งเอกซ์เรย์ดูทางเดินอาหาร
การซักประวัติ : ให้บอกแพทย์ให้ละเอียดว่าลักษณะการปวดเป็นอย่างไร
- เป็นมากเวลาไหน
- ปวดประจำเดือนหรือไม่
- เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ
- การถ่ายอุจจาระ
- การมีเพศสัมพันธ์
- ท่าทางการเดินนั่งในชีวิตประจำวัน
- การออกกำลังกาย
- การหลับนอนกลางคืน
เล่าให้แพทย์ฟังถึงลักษณะการปวด
- ปวดจี๊ดๆ หรือ ตื้อๆ
- ปวดเป็นพักๆ หรือปวดตลอดเวลา
- ระยะเวลาที่ปวดมาก
- ความรุนแรง
- ตำแหน่งที่ปวดอยู่ที่เดียว หรือเปลี่ยนตำแหน่ง
- อะไรทำให้ดีขึ้น หรือ เลวลง
การรักษา
เมื่อทราบสาเหตุแล้ว แพทย์จะแนะนำหรือรักษาโดยทางเลือกต่างๆ ที่จะทำให้การปวดหาย หรือดีขึ้น หรือไม่เลวลง คือ
1. โดยการใช้ยารักษา เช่น ยาปฏิชีวนะ ถ้ามีการอักเสบติดเชื้อ เช่น มดลูกอักเสบ ยาลดการอักเสบ ถ้ามีการอักเสบที่ไม่ติดเชื้อ เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ หรือบางทีอาจทำให้ยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด เพื่อลดอาการปวดประจำเดือน ส่วนใหญ่การให้ยาในโรคเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ หรือเนื้องอกมดลูก มักเป็นการรักษาแบบชั่วคราว เมื่องดยาอาการก็เกิดขึ้นอีก
2. การผ่าตัด โรคบางอย่างต้องรักษาโดยการผ่าตัด เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ในอุ้งเชิงกราน การผ่าตัดโดยวิธีการส่องกล้องผ่านช่องท้องจะทำให้รู้สาเหตุ และรักษาสาเหตุไปในคราวเดียวกันได้บางอย่าง เช่น เนื้องอกมดลูก หรือ มีถุงน้ำรังไข่ (Cyst) ก็ทำการผ่าตัดวิธีใดวิธีหนึ่งได้โดยทราบวินิจฉัยก่อนผ่าตัดได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้อธิบายให้ฟังก่อนการผ่าตัดถึงความจำเป็น ผลดีและโรคแทรกซ้อน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคอะไร
3. การรักษาวิธีอื่นๆ เช่น การให้กายภาพบำบัด การให้ยาคลายการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ การฉีดยาชาเฉพาะที่ รวมทั้งการสอนให้มีการออกกำลังกาย การฝึกท่าทางการเดินการนั่ง ฯลฯ
สรุป การปวดท้องน้อย มีทั้งชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง ส่วนใหญ่เกิดจากอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ก็เกิดจากอวัยวะอื่นใกล้เคียง อาจจำเป็นต้องรักษาแบบฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะเป็นโดยยาหรือผ่าตัด หรือแพทย์ทางเลือก แล้วแต่สถานการณ์ และสาเหตุซึ่งแพทย์ที่ชำนาญจะเป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำได้
อ้างอิง
- siamdara.com
สมุนไพรแก้อาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน
อ่านรายละเอียดคลิ๊ก : ยาว่านชักมดลูกผสมสมุนไพร [A006]
Name : ยาว่านชักมดลูกผสมสมุนไพร
Details : Properties สรรพคุณ
- ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี
- ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์
- ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป
- ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด
- ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น
- ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี
- ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง
- มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว และเล็กลง
- เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน
คำแนะนำเพิ่มเติม การใช้ยาว่านชักมดลูกควรใช้ยาตำรับคู่โดยใช้ยาว่านชักมดลูก คู่กับ ตัวยาประสะจันท์แดง ทานเช้าประสะจันท์แดง 2 ก่อนอาหาร และเย็น ก่อนนอน ทานว่านชักมดลูก 2 เม็ด (คลิ๊กสั่งซื้อเพิ่ม)ตัวยาประสะจันท์แดงนั้นเป็นตัวยาล้าง มีสรรพคุณของรากมะนาว รากมะปรางหวาน ต้นเหมือดคน ช่วยจัดการอนุมูลอิสระ ช่วยระบบขับถ่าย หรือล้างกรดเกินต่างๆออกจากร่างกาย ช่วยลดไข้ แก้ปวด ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น
Normal price : 0.00
Special price : 250.00
อ่านรายละเอียดคลิ๊ก : ยาประสะจันทน์แดง [A001]
Name : ยาประสะจันทน์แดง
Details : Properties สรรพคุณ
- แก้ไข้ปวดหัวตัวร้อน แก้ไข้ร้อนรุ่มทุรนทุราย
- ล้างสารพิษในร่างกาย หลังจากการฉีดยาฆ่าแมลงหรือสัมผัสกับสารพิษต่างๆ
- แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อาการบิด แก้ลงแดง ถ่ายเป็นมูกเลือด
- แก้หรือป้องกันของแสลงทุกชนิด แก้ผิดสำแดง แก้อาการแพ้ต่างๆ
- แก้อาการเมาสุรา หรือเมาค้างไม่ได้สติ (Hank)
- แก้สัตว์มีพิษกัดต่อย ( ยกเว้นงู ) นำน้ำมะนาวละลายกับยาทิพย์โอสถ(ยาประสะจันทน์แดง) พอกแผล บริเวณที่โดนพิษ
- แก้พิษเบื่อเมาทุกชนิด เช่น ยาพิษ ยาเบื่อ ยาเมา ยาสั่ง พิษเห็ด หรือพิษต่างๆ
- ต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
Normal price : 0.00
Special price : 250.00
อ่านรายละเอียดคลิ๊ก : ยาธรณีสัณฑะฆาต [A002]
Name : ยาธรณีสัณฑะฆาต
Details : Properties สรรพคุณ
- แก้กษัยเส้น เส้นเอ็นแข็งกระด้าง เส้นตึง เส้นยึด มือเท้าชา ปวดเส้นเอ็น
นอกจากนี้แล้วยาธรณีสัณฑะฆาตยังมีเรื่องราวเล่าต่อกันมาว่าสามารถรักษาอาการต่างๆได้ดังต่อไปนี้
(ยังไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมายโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
- ปวดหลัง ไขข้ออักเสบ อัมพฤกษ์ ปวดเข่า เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ปวดเมื่อยตามร่างกาย เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ
- แก้ปวดศีรษะไมแกรน แก้โรคเส้นประสาทพิการ ออกความคิดมากเกินไปจนปวดศีรษะ นอนไม่หลับ นึกอะไรไปร้อย
แปดพันประการ เนื่องจากภาวะความเครียต่างๆ
- แก้ริดสีดวงลำไส้ ทำให้มีอาการเจ็บปวดในที่ต่างๆ เช่น มึนชาตามร่างกาย ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ปวดบั้นเอว ปวดขา ปวดสะโพก ปวดท้องน้อย ถ้าเป็นหนักอาจทำให้กลายเป็นเหน็บชา เท้าตายมือตาย บางทีทำให้ท้องผูก บางทีทำให้ปัสสาวะขุ่นข้นหรือแดงร้อน
-แก้โรคลม เช่น ลมจุกเสียดแน่นหน้าอก ลมพัดขึ้นยอดอกทำให้หน้ามืด ตาลาย หูอื้อ ศีรษะวิงเวียน คลื่นไส้อาเจียนและลมเบื้องต่ำลงท้อง ท้องเดินผิดปกติ
- แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือหญิงมีบุตรอยาก เช่น ประจำเดือนมาแล้วกลับแห้งหายไป 3-4 เดือนหรือ 1 ปี มีอาการ ผอมแห้งและเหนื่อยหอบ ผิวเนื้อผิวหน้าดำเป็นฝ้า ขอบตาเขียว สีหน้าซีด นัยน์ตาโรย บางทีครั่นเนื้อครั่นตัว ร้อนๆหนาวๆ ดุจจะเป็นไข้
- แก้โรคหญิงที่ป่วยยืนสามวันดีสี่วันไข้ ทำให้มีอาการเจ็บปวดในที่ต่างๆ เช่น มึนชามือและเท้า ปวดต้นคอ ปวดบั้นเอว ปวดขาปวดสะโพก ปวดท้องน้อย ถ้าเป็นหนักอาจทำให้เป็นเหน็บชา ตีนตายมือตาย บางทีทำให้ท้องผูก บางทีทำให้ปัสสาวะขุ่นข้นหรือแดงร้อน
- สำหรับหญิงแม่ลูกอ่อนไม่มีน้ำนม หรือมีน้ำนมน้อยไม่เพียงพอ หรือไม่ได้อยู่ไฟ
-แก้เด็กป่วยเรื้อรัง อุจจาระธาตุเน่าเสีย ตัวพยาธิกินอยู่ในลำไส้ แก้โรคเด็กเป็นตาลขโมย พุงโรก้นปอด
คำแนะนำเพิ่มเติม การใช้ยาธรณีสัณฑะฆาตเนื่องจากธรณีสัณฑะฆาตนั้นเป็นยารสสุขมมีร้อนค่อนข้างร้อน ในระยะแรกของการทานยาควรทานโดยเริ่มต้นการใช้ยาที่ 1 แคปซูล และควรทานก่อนนอนในช่วงอุณภูมิเย็น ติดต่อกันประมาณ 3-5 วัน ซึ่งจะเป็นช่วงของการปรับตัวระหว่างตัวยากับร่างกายของคนไข้ และเมื่อตื่นเช้าต้องอาบน้ำทุกเช้า หลังการอาบน้ำ ให้ใช้ยาประสะจันท์แดง 2 แคปซูล (คลิ๊กสั่งซื้อเพิ่ม) ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ประกอบด้วยยาสมุนไพรรสเย็น จะช่วยดับร้อนและมีฤทธิ์ในการลดไข้ได้อีกด้วย อันจะเป็นผลทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น
หมายเหตุ เมื่อรับประทานยาธรณีสัณฑะฆาต(ยากำลังราชสีห์)แรกๆ อำนาจของยาจะขับโรคร้ายหรือสารพิษต่างๆ ภายในร่างกาย โดยจะมีอาการ เช่น มึนตึง คัดจมูกคล้ายจะเป็นหวัด จะรู้สึกตัวร้อน ทำให้อึดอัดหนักหัวและ ชวนนอน ท่านไม่ต้องตกใจจงอาบน้ำเสีย อาการเหล่านั้นจะหายไปเพราะอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนภายในร่างกาย
คำเตือน สตรีมีครรภ์หรือคนเป็นไข้ห้ามรับประทาน
Normal price : 0.00
Special price : 250.00