ห้องภาพทิพย์โอสถ สมุนไพรไทย ตอน ต้นทองกวาว รูปที่ 3
ห้องภาพทิพย์โอสถ สมุนไพรไทย ตอน ต้นทองกวาว รูปที่ 4
ห้องภาพทิพย์โอสถ สมุนไพรไทย ตอน ต้นทองกวาว รูปที่ 5
ห้องภาพทิพย์โอสถ สมุนไพรไทย ตอน ต้นทองกวาว รูปที่ 6
ชื่อพันธุ์ไม้ ทองกวาว
ชื่อสามัญ Flame of the forest, Bastard Teak, Bengal kinotree, Kino tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ Butea monosperma Kuntze.
วงศ์ LEGUMINOSAE
ชื่ออื่น กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ) , จอมทอง (ภาคใต้) , จ้า (เขมร) , ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองต้น (ภาคกลาง)
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูง 8 15 เมตร เปลือกสีเทาคล้ำแตกเป็นร่องตื้นๆ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบออกสลับกัน ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งก้านและที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลืองถึงแดงแสด ออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ผลเป็นฝักรูปขอบขนานแบน มีเมล็ดที่ปลายฝัก ลักษณะของพืช ?
พบขึ้นกระจายทั่วไปตามที่ราบลุ่มในป่าเบญจพรรณ ที่ราบลุ่มในป่าผลัดใบ ป่าหญ้าหรือป่าละเมาะที่แห้งแล้ง พบมากทางภาคเหนือ ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 80- 300 เมตร
มีลำต้นสูงประมาณ 8 -15 เมตร ลำต้น ส่วนมากจะไม่ค่อยตรง คดงอ เท่านั้นยังไม่พอ การแตกกิ่งก็ยังไม่เป็นระเบียบเหมือนชาวบ้านเขา ผิวเปลือกสีน้ำตาลหรือสีเทาคล้ำ เป็นตุ่มหรือปม แตกระแหงเป็นร่องตื้นๆ เมื่อเฉือนเนื้อจะมียางสีแดง
ใบ เป็นใบประกอบขนนก ( pinnately compound leaf) 3 ใบย่อย( trifoliolate) ติดเรียงเวียนสลับแน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบกลาง เป็นรูปมนกว้างเกือบกลม ปลายใบมน โคนใบสอบ โดยใบกลางจะมีก้านใบยาวและใหญ่ที่สุด ใบย่อยเป็นรูปไข่กลับ ( obovate) ปลายใบมน โคนใบแหลมแผ่นใบหนา ลักษณะใบคล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนมีขนทั้งสองด้าน ใบอ่อนมีขนคล้ายไหม ใบแก่เหนียว ด้านบนเรียบ ด้านล่างมีขนเล็กน้อย
สำหรับ ดอก ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งเหนือรอยแผลใบและตามปลายกิ่ง ฐานรองดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ดอกมีลักษณะเป็นดอกถั่วขนาดใหญ่ มีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกมีสีเหลืองถึงแดงแสด ว่ากันว่าดอกสีแสดเหลืองจะหายากมาก ขณะที่ ทองกวาว ออกดอกจะทิ้งใบจนหมดต้น และมีดอกเต็มพรึบไปทั่วทั้งต้น คล้ายกับต้น ทองหลางด่าง หรือ ปาริชาต ออกช่วงระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ผล มีลักษณะเป็นฝักแบน โค้งงอเล็กน้อย ฝักยาวประมาณ 10 - 12 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2 - 3เซนติเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ดแบน 1 - 2 เมล็ดอยู่ที่ปลายฝัก
ส่วนที่ใช้เป็นยา
เนื้อไม้ เมื่อแห้งจะมีน้ำหนักเบา และหดตัวมาก ใช้ทำกระดานกรุบ่อน้ำ เปลือก ใช้ทำเชือกและกระดาษ ดอก ให้สีแดงใช้ย้อมผ้า แก้ไข้ ขับปัสสาวะ หยอดตาแก้ตาแดง แก่น ทาแก้ปวดฟัน ใบ ตำพอกฝีและสิว ถอนพิษ แก้ปวด ท้องขึ้น ริดสีดวง เข้ายาบำรุงกำลัง ราก ประคบบริเวณที่เป็นตะคริว ขับพยาธิ เมล็ดใช้บำบัดพยาธิภายใน ยาง แก้ท้องร่วง เมล็ด ใช้ขับพยาธิตัวกลมบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะนาว ทาแก้คันและแสบร้อน
การปลูก
การปลูกนิยมปลูกลงในบริเวณกลางแจ้ง เนื่องจาก น้องทองกวาว ต้องการแสงแดดจัด และชอบดินร่วนซุย ถ้าปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านหรืออาคารควรให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพราะทองกวาวเป็นไม้ที่มีทรงพุ่มใหญ่พอสมควร อาจสร้างปัญหาให้กับผู้อยู่อาศัยได้ ขยายพันธุ์ ด้วยการตอนกิ่ง และเพาะเมล็ด โดยนำไปแช่น้ำเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นอีกประมาณ10 วันเมล็ดจึงจะงอก
รสและสรรพคุณยาไทย
...มาถึงจุดไคลแม็กซ์ที่สาวๆรอคอย ก็คือ สรรพคุณในการเพิ่มขนาดเต้า ที่มี ดร. อุษา กลิ่นหอม นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ออกมาให้ข้อมูลว่า สารสกัดจากเปลือกของน้องทองกวาว ช่วยเพิ่มหน้าอกหน้าใจให้โตขึ้น 3-4 เท่าตัว จากการที่นำไปทดสอบกับหนูถีบจักร โดยพบว่าเปลือกมีฮอร์โมนคล้ายเอสโตรเจนที่ผู้หญิงมี แต่ทว่า...ของที่มีประโยชน์ก็ต้องโทษแฝงมาก็คือ มีผลข้างเคียงต่อตับ ลดจำนวนอสุจิและการตกไข่
ดังนั้น ด้วยวิจารณญาณแล้ว สตรีที่กำลังตั้งครรภ์จึงไม่ควรรับประทานส่วนต่างๆของต้นทองกวาวเลย ผมว่ารอให้นักวิจัยได้ทำการทดลองจนเป็นที่แน่นอนว่าไม่มีผลกระทบใดๆต่อร่างกายจะดีกว่า ที่จะเอามากินสุ่มสี่สุ่มห้า เอาเป็นว่า..ถ้าอยากเพิ่มอึ๋มละก็..อดใจรออีกสักนิด รับรองได้อึ๋มสมใจแน่นอนครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก school.obec.go.th
และรูปภาพจาก www.thiposot.com